หน้าเว็บ

12.10.2557

[บันทึก] สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT N5

สวัสดีค่ะ ^^

ไม่ได้มาอัพบล็อคนานเช่นเคย ยิ่งตอนนี้คอมพังแร่ ยิ่งไม่ได้เล่นเข้าไปใหย่ ร้านเน็ทแถวบ้านก็ไม่มี เรยใช้แต่มือถือเล่นเน็ตแทน ลำบากแฮะ.... =..="

มาเข้าเรื่องเรยหล่ะกัน ที่มาเขียนบล็อกนี้ คือเราอยากจะบันทึกแบ่งปัน เรื่องที่ไปสอบวัดระดับญี่ปุ่นมา จะได้แชร์เป็นข้อมูลแก่คนที่สนใจค่ะ

ก่อนอื่นแนะนำเกี่ยวกับ การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นคร่าวๆ นิดนึง เผื่อใครยังไม่รู้จัก

การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (The Japanese-Language Proficiency Test ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า JLPT

การสอบ JLPT ก็คล้ายๆกะสอบ TOEIC, HSK ของจีน, TOPIK ของเกาหลีประมาณนั้น

การสอบจัดขึ้นปีละ 2 ครั้งประมาณเดือน กรกฎาคม กับ ต้นเดือนธันวาคม และการสอบ JLPT นั้นมีแบ่งสอบเป็น 5 ระดับ ตั้งแต่ ระดับ N5 (ต่ำสุด) ไล่ไปถึง ระดับ N1 (สูงสุด) ซึ่งเมื่อเราสามารถสอบผ่าน JLPT เราจาได้รับใบประกาศนียบัตรจากญี่ปุ่น อ่อ สอบไม่ผ่านก็ได้รับใบเหมือนกัน เราสามารถเอาใบประกาศที่ผ่านนี้ไปใช้ยื่นสมัครเรียนในโรงเรียน มหาลัยญี่ปุ่น หรือสมัครงานบริษัทญี่ปุ่นได้ ตามระดับที่เค้ากำหนดไว้ค่ะ ก็ประมาณนี้ :)
หน้าตาชุดใบสมัครสอบ ปี 2014

ไหนๆแล้ว ขอเล่าประวัติตัวเองคร่าวๆหน่อยหล่ะกัน เราเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นเมื่อสิบปีก่อน (บ่งบอกถึงความแก่ =...=) ในตอนนั้นเรียนจบชั้นต้นค่ะ ก็ใช้เวลานานเกือบ 2 ปีได้ แต่ถ้านับชม.เรียนจิงๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ หลังจากเรียนจบเราเองก็ไม่ได้เรียนต่อชั้นต่อไป แล้วก็ไม่ได้ฝึกฝนทบทวน จนเวลาผ่านไป ทีนี้มันก็เรยเหลือ 0 หมด

พอทำงานผ่านมาหลายปี อายุก็มากขี้น ชีวิตก็น่าเบื่อกับภาระต่างๆนานา เราเริ่มรู้สึกอยากกลับไปพัฒนาตัวเอง เรื่องภาษาที่มันถดถอยลงสวนกระแสกะอายุ  ซึ่งเรามั่นใจว่า เราถนัดไปทางภาษามากกว่าให้ไปวาดรูปศิลปะ หรือทำอาหารซะอีก แม้ว่าจะไม่ได้เก่งจิงจังอะไรก็เหอะ แต่ให้เรียนก็เรียนได้ เราชอบฟังเพลงต่างประเทศ ดูข่าว หนัง วาไรตี้ต่างประเทศบ้าง ดังนั้นเราเรยตัดสินใจอีกครั้ง กลับไปเรียนภาษาใหม่หมด โดยไปเริ่มเรียนภาษาอังกฤษก่อนเรย จากนั้นก็ไปเรียนจีน ชีวิตเริ่มสนุกขึ้นค่ะ เหมือนเราได้ออกไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ รู้จักเพื่อนมากขึ้น ได้กลับไปเป็นเด็กนั่งเรียนหนังสืออีกครั้ง เรารู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้น เรยพลอยทำให้เรามีกำลังใจเพิ่มที่จะพยายามฝึกฝนทักษะภาษาตัวเอง

แล้วทีนี่เราก็เริ่มกลับมาหาภาษาญี่ปุนอีกครั้งแร่ หาเพลงฟัง หาซีรี่ย์ดู จนเริ่มจะติดงอมแงม ขอเบรกเกาหลีซักพัก (เสพสื่อเกาหลีมาเยอะแร่) เรยตัดสินใจไปสมัครสอบวัดระดับซะ จะได้เป็นตัวกระตุ้นให้เราอยากเรียน ก็เลือกระดับล่างสุดก่อน คือ N5 หลังสมัครสอบเสร็จ ก็มีเวลาให้อ่านเตรียมตัวอยู่หลายเดือน เราอ่านเองค่ะ ใจจริงอยากเข้าคอร์สแต่เงินไม่เอื้อ เรยพยายามเรียนด้วยตัวเองดูก่อน ก็วางแผน เลือกหนังสืออ่านเตรียมสอบ หาแนวข้อสอบนู้นนี่นั่น จะต้องอ่านวันล่ะเท่าไหร่ให้จบทันสอบ แต่!!!!ลงมืออ่านจริงนี่ไม่กี่วันดีกว่ามั้ง =...=" เพราะแบ่งเวลาไม่ได้เรยค่ะ งานที่ทำก็เยอะขึ้น มีไปเรียนอังกฤษ กะจีนอีก ถึงบ้านก็เหนื่อยหมดแรง เลยต้องมาอ่านหนังสือแบบกระชั้นชิดมาก ตอนที่อ่านนี่ใช้ความพยายามสุดๆทั้งจำทั้งต้องเข้าใจให้ได้อีก เหนื่อยเบย....

จนกระทั่งมาถึง..

ณ วันสอบ วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2014..

N5 สอบช่วงเช้าค่ะ ก็ไปสอบที่ตึกบรมราชกุมารี คณะอักษร ของจุฬา เกือบไปไม่ทันแน่ะ เพราะหลงไปอีกที่ T^T โชคดีมอไซต์รับจ้างวิ่งผ่านมาเรยใช้บริการซะ ก็มาถึงคณะทันเวลา เอิ่ม..ทีหลังจะเรียกมอไซต์ไปส่งดีกว่า ㅡ...ㅡ

เข้าห้องสอบ..

ถ้าจะให้ดี แนะนำเรยว่า **ก่อนมาสอบให้เช็คห้องสอบจากในเน็ตก่อน จะดีมากค่ะ เพราะคนเยอะมากจะดูบอร์ดที่นั่นลำบาก แล้วก็เสียงดังมั๊กๆด้วย มีแต่เด็กนักเรียนเตร็มไปหมด พอมาถึงจะได้เดินขึ้นชั้นไปห้องสอบได้เรย**
☆ก่อนเข้าห้องจะมีเจ้าหน้าที่ยืนตรวจเช็คบัตรสอบกับบัตรประชาชนก่อน  เตรียมให้พร้อม *เอากระเป๋าเข้าไปได้ค่ะ ห้องที่เราสอบนี่ เอามาวางข้างโต๊ะได้ค่ะ บางห้องใหญ่ๆ เค้าให้เอาวางไว้หน้าห้อง
☆หลังจากได้เข้าห้องสอบ ดูที่กระดานเค้าเขียนไล่เลขที่นั่งไว้เรย ว่าเรานั่งตรงไหน
☆ที่โต๊ะนั่งจะแปะสติ๊กเกอร์เลขเราไว้ ไม่ต้องกลัวนั่งผิด
☆บนโต๊ะจะมีกระดาษคำตอบ 1 ชุด กะข้อสอบ Part 1 วางไว้ เจ้าหน้าที่ก็แนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง ก่อนอื่นก็ให้เรากรอกชื่อ ฝนรหัสของเราลงในกระดาษคำตอบทั้ง 3 ใบให้เรียบร้อย ด้วยดินสอค่ะ ใช้ดินสอเท่านั้นนะค่ะ เค้าไม่ให้ใช้ปากกาเรย (แต่ก็มีคนทำผิด เพราะเข้ามาช้า เรยไม่ทันฟังคำแนะนำ) ก็ต้องเอาดินสอเขียนทับลงไป เค้าไม่มีสำรองให้นะ แล้วก็เขียนชื่อ รหัสลงในชุดข้อสอบด้วย ใช้ดินสอเช่นกัน

เริ่มสอบ..

หลังจากเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ เริ่มสอบได้ ก็เปิดกระดาษรีบทำ part 1 นี่ เกี่ยวกับคำศัพท์ คันจิ ให้เวลาสอบ 25 นาที ข้อสอบ 35 ข้อมั๊ง จำไม่ได้แร่ ดูคำถามปุ๊บต้องฝนคำตอบไปเรยค่ะ คิดนานไม่ได้ ไม่งั้นไม่ทัน พาร์ทนี้เราว่าไม่ยากน่ะ แต่เราว่าเราทำได้ครึ่งต่อครึ่งค่ะ เพราะเตรียมตัวท่องศัพท์มาน้อยก็เรยตามนั้น ㅜㅡㅜ รู้สึกเสียดายมว๊าก

--แนะนำ-- ท่องศัพท์ ให้เยอะ จำให้แม่น ทั้งฮิรากะนะและคาตากะนะ ที่จำได้มีพวกคำศัพท์ ทิศทาง ลิฟท์ วัน เดือน ปี เวลา การนับ คำลัษณะนาม คำบอกตำแหน่ง คันจิเบื้องต้นไม่ยากค่ะ เราแทบอ่านผ่านตาเรย เหมือนมันได้มาจากตอนที่เราอ่านหนังสือ ดูรูปประโยคเราก็จำมาเรย ก็พอได้

พอหมดเวลาเค้าก็ให้ออกมารอข้างนอก ประมาณ 25 นาที เราเลยรีบไปเข้าห้องน้ำก่อน คนเยอะห้องน้ำมีไม่กี่ห้อง ต้องรอคิวนานเรย ออกมาได้แป๊บห้องสอบก็เปิดให้เข้าพอดี

สอบ part 2

part นี้สอบเกี่ยวกับ ไวยากรณ์ และการอ่าน ใช้เวลาสอบ 50 นาที พาร์ทนี้ เราทำใจไว้เรยค่ะ อ่านมาน้อย เรยไม่คาดหวัง คิดว่าตัวเองไม่ผ่านแน่ ยิ่งมาเจอเรื่องใหอ่านตอบคำถาม ถึงกะเวียนหัว ไม่ค่อยรู้ศัพท์เรยเดาลำบาก สรุปทำไม่ได้เรยค่ะ ㅠㅡㅠ

--แนะนำ-- อยากบอกว่าจำอาไรแทบไม่ได้จิงๆ พอเริ่มสอบพาร์ทนี้ ความจำก็หายหม้ด เท่าที่พอนึกได้ ไวยากรณ์เบื้องต้นนี่ ตามในหนังสือ Minna อ่ะค่ะ การใช้คำแสดงคำถาม どんな การชี้ตำแหน่งคน สิ่งของ ここ, そこ การผันกริยา คุณศัพท์ คำช่วยต่างๆพวก は、に 、が 、で  ใช้ให้แม่นค่ะ มันจะมีคำถามประมานว่าไปโดยอะไร อย่างไร เจอทั้งในแกรมม่า แล้วก็ใน บทความค่ะ ที่จะเว้นช่องให้เราเลือกคำช่วยที่ถูกต้องใส่ลงไป มั่วตรงนี้เรยแหละ คือเจอข้อสอบแล้วเกิดอาการสับสนนึกอาไรไม่ออกจิงๆฝนมั่ว ส่วนบทความกลางๆ มี 2-3 อันมั้งจำไม่ได้ มีให้อ่านเมลเพื่อนที่เขียนส่งมา แล้วเลือกคำตอบตอนท้ายว่าเพื่อนจาพูดอะไร บทความยาวนี่ มี 1 อัน คือให้อ่านประกาศคลาสเรียนเต้น แล้วตอบให้ถูกว่าแม่ลูกคู่นี้จะเลือกเรียนวันไหน ดูจะไม่ยาก แต่มันต้องคิดตามด้วย เราก็ทำไม่ได้ไม่รู้ศัพท์บางตัว เรยจับใจความไม่ออก

แล้วก็หมดเวลา เริ่มมึนหัวแล้วค่ะ ก็ไม่ได้กินอาไรรองท้องเรย ดื่มแต่แบรนกะกาแฟมา เจอข้อสอบพาร์ทนี้ไป ถึงกะจาแย่ ก็รีบไปห้องน้ำอีกครั้ง คราวนี้ออกมาช้ากว่าเดิม คนเขาเข้าห้องสอบหมดแร่ เรางี้เข้าห้องเกือบคนสุดท้าย

สอบ part 3 สุดท้ายแล้ว

สอบเกี่ยวกับการฟังบทสนทนาง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่จะเปิด CD คำถามให้ฟัง พอฟังจบแล้ว ต้องฝนคำตอบเรยค่ะ พอ CD จบ เค้าจะเก็บกระดาษคำตอบทันที และอีกอย่างเปิดให้ฟังครั้งเดียวเท่านั้นค่ะ และใน CD ก็พูดบทสนทนา คำถามครั้งเดียวด้วย ฉะนั้น ตอนฟังต้องตั้งใจฟังมากค่ะ พาร์ทฟังเราว่าไม่ยากมากน่ะค่ะ แต่ที่บอกไป เราศัพท์ในหัวน้อยก็เรยฟังจับใจความไม่ค่อยได้อย่างโจทย์จะมีคำถามว่า ชาย-หญิงคู่นี้เค้าซื้ออะไรมา ต้องฟังตามให้ทันดีๆ โจทย์จะมีหลอกว่า ทีแรกมีอันนี้น่ะฟังไปมาสรุปไม่ได้ซื้ออันนี้ เอาอันนั้นมา ก็งงเงิบๆไปหลาย บางข้อได้ยินไม่ชัด แอร์ดัง แหง่ว... ㅜ..ㅜ  คือสมาธิสำคัญหลุดไม่ได้ พอมาคำถามช่วงท้ายๆ จะเรียกว่าเหมือนคืนคะแนนให้ มันจะง่ายหน่อย ถามตอบแบบตรงๆไปเรยแบบมาเก็บคะแนนเอาช่วงท้ายแทน โจทย์จะถามประมาณว่านักเรียนเจอครูต้องพูดว่าอะไร ก็ต้องพูดทักทายกันอะไรอย่างงี้ ไม่ต้องคิดไร เราก็นึกได้แค่นี้แหล่ะ คือแบบสอบเสร็จออกมาทุกอย่างสลายสิ้นลืมหมด ราวกะว่าที่ผ่านมาไม่กี่ชม.เราทำอาไรฟร่ะ!!! @..@? พาร์ทนี้เราว่าน่าจะทำได้น้อย ช่วงแรกทำแทบไม่ได้ค่ะ มาได้ช่วงหลัง

--แนะนำ-- พาร์ทฟัง เราว่าสิ่งสำคัญคือ สมาธิเรยค่ะ ต้องตั้งใจแล้วหัวคุณต้องคิดเป็นภาพตามที่ได้ยิน ก็จะตอบได้ อ่อ รู้ศัพท์บ้างก็ดี เราว่าศัพท์พาร์ทนี้ไม่ยากแต่ก็คิดตามไม่ทัน มัวแต่แปลเปนไทยอยู่ในหัว จำพวกประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้ เช่น การทักทาย ขอโทษ ขอบคุณ นี่ก็ทำข้อหลังๆ ได้แล้วค่ะ

××××สรุปว่า××××
ที่ไปสอบมาวันนั้น เราทำข้อสอบไม่ได้เรย =_=" เตรียมตัวมาน้อยจิง ศัพท์ แกรมม่าก็ได้น้อย แต่ก็ไม่เป็นไร เราอยากมาลองสอบดูด้วย อยากเห็นความสามารถ ความพยายามของเราเองว่าจะได้แค่ไหน กะว่าปีหน้าจะสอบอีก อาจจะก้าวไป N4 เรย คิดไปไกลแร่ อย่างน้อยก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาบ้างนิดนึง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัลล มีความสุขแบบบอกไม่ถูกแฮะ え。นี่เราเสียสติป่าวว่ะ.... ㅇ..ㅇ?

☆สำหรับใครที่สนใจ อยากลองสอบให้ติดตามข่าว ข้อมูลได้ที่นี่
- www.ojsat.or.th

ถ้ามีเวลาอีก เราอยากแนะนำหนังสือที่ใช้อ่านสอบให้ดู ตอนนี้แปะไว้รูปเดียวก่อน


ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน เราอาจจะเล่าเยอะวนไปมาบ้าง เพราะจำไม่ค่อยได้ ก็อย่าว่ากันน่ะ  ^^" ถ้าใครอยากแนะนำ คอมเม้นก็ยินดีจ้า

ปล.ทิ้งท้าย เราพิมพ์จากในมือถือ เรยไม่ได้ตกแต่งตัวหนังสือในบล็อคให้เด่นซะเท่าไหร่ ดำหมดเรย~ T^T





3.17.2557

[บันทึก] เรียนภาษาอังกฤษ ที่ BSC : LEVEL 3 Part 1 ครั้งที่ 2 (14.3.2014)

วันนี้ออกจากที่ทำงานช้ามว๊ากกกกก งานเยอะ มาถึงโรงเรียนนี่แบบหวุดหวิด T...T" (ชักเริ่มเหนื่อยแร่ ที่ต้องมาเรียนหลังเลิกงานเนี๊ยะ!!!!)

จากนั้นก็รีบเดินขึ้นตึกเรียนอย่างไว ไปเข้าห้องน้ำเช็คความเรียบร้อยซะก่อน เด๋วเพื่อนๆในห้องจะตกใจนึกว่าตัวไรเนี๊ยะ มาแบบเหงื่อยแตกเบย

เสร็จแล้วรีบเข้าห้อง หาเก้าอี้หย่อนอย่างไว โชคดีทัน T. เพิ่งเข้ามาพอดี
...
...
...
แต่...เอ๊ะ! @..@ T. เปลี๊ยนไป คลาสแรกเป็นผู้ชาย คราวนี้เป็น T. ผู้หญิง หลังจากที่ T. แนะนำตัวแล้ว ถึงได้ อ่อ คนนี้นี่แหล่ะ ต้องสอนเราคลาสเรา แต่อาทิต์ยก่อนแกไม่ว่าง

จากนั้นก็ไม่รอช้า T. เช็คชื่อก่อน แล้วก็ถามเราเรียนถึงไหนแล้ว ก็เรยทบทวนให้อีกนิด จากนั้น T. ก็ให้เราฝึกถามตอบกับคู่เรา เสร็จแล้วก็ให้พวกเราไปฝึกถามเพื่อนมา 3 คน ซัก 5 คำถาม อะไรก็ได้ เช่น ชื่อ สกุล ชื่อเล่น ชอบอะไร ก็เป็นประโยคง่ายๆที่ใช้ในหนังสือเรียน


 แล้วก็มาฝึกทำแบบฝึกหัดในหนังสือ ให้ถามตอบกะคู่เรา ให้เลือกว่าใครจะเป็น A หรือ B แล้วก็ฝึกถามใส่กัน เพื่อตอบคำตอบลงในหนังสือ ว่า คนนั้น ชื่อไร มาจากไหน ชอบ....อะไร


ตอนท้าย T. ก็พยายามอธิบาย แกรมม่าที่ใช้ในบทสนทนา ถึงมันจะเป็นแค่ Verb Be เบๆ แต่หลายคนในห้องรวมถึงเราก็ยังมีสับสน งง ต้อง Question กะ T. กันใหญ่ เอ..ทำไม่มันไม่เป็นอย่างงี้ T. แกเรยต้องพยายามอธิบายช้าๆชัดๆให้ฟัง พร้อมยกตัวอย่างเตร็มกระดาน จนพวกเราทั้งหลายถึงอ๋ออออซะที คือมันต่างตรง Single กะ Plural นั้นเอง 555 (แต่พอเลิกเรียนมา นี่ชักจะลืมซะแร่ เอ๊ะ เราเรียนไรมาฟร่ะเมื่อตะกี้เนี่ยะ เฮ่อๆๆๆ )

จะว่าไปมันก็ไม่ได้ยากน่ะค่ะ ระดับเรา เราดูสารบัญจากหนังสือแล้ว เป็นเรื่องง่ายๆ เรย แต่!!!!! เพราะเราขาดทักษะด้านสื่อสาร อย่างพูด-ฟัง นี่แหล่ะ บางทีก็โมโหตัวเองมากน่ะ กะอีแค่ ทักทาย ถามชอบอะไร งานอดิเรกอะไร Verb to be แคนี้ ประโยคก็เบสิคที่ได้ยินกันมาตลอด เชื่อมั้ยว่า....เรากลับพูดไม่ค่อยได้!!! ไม่ได้โกหก มันเรื่องจริงที่เราพบกะตัว ความมั่นใจหดหายเบย โอ้วววว T^T

คลาสหน้าต้องฝึกเตรียมความมั่นใจมากกว่านี้ไปแร่ กลับบ้านไปขุดหาหนังสืิอแกรมม่า บทสนทนาเบื้องต้นมาหัดฝึกพูด ฝึกทำกันเรยทีนี้!!!



3.12.2557

[บันทึก] เรียนภาษาอังกฤษ ที่ BSC : LEVEL 3 Part 1 (7.3.2014)

วันนี้เปิดคอร์สเรียนวันแรก (ศุกร์ 7 มี.ค.) แล้วก็เป็นครั้้งแรกที่จะกลับไปนั่งเรียนภาษาใหม่อีกครั้ง ตั้งแต่จบมหาลัยก็ผ่านมานับเกือบสิบปีได้แร่ รู้สึกตื่นเต้นมว๊าก  (เห็นแล้วว่าไม่ค่อยได้ใช้อังกฤษนานขนาดไหน โอ้ว.. T^T)
...
...
เราเลือกเรียนทุกวันศุกร์ เรียน ตอน 19.00 เลิก 20.30 เลิกงานเราก็รีับต่อรถ มาขึ้น BTS นานา มาจอดลง สถานีพญาไท ยังพอเหลือ 20 นาที ก็แวะซื้อขนมลองท้อง ตรงตึก CP ไม่ต้องกลัวไม่มีไรกิน มีร้านเซเว่นถัดไปอีก โด๊ปกาแฟสดให้ตาสว่างได้

จากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำที่โรงเรียน ก่อนจะขึ้นเรียน เราเรียนชั้น 4 เดินขึ้นเหนื่อยเบย รู้ตัวว่าแก่เยอะ...
...
...
...
คุณครูตรงเวลามาก รออยู่ในห้องแร่ แต่ของน้องเค้าเลตหน่อย เราเรยรีบเข้าไปนั่ง เพราะเห็นคนเกือบเต็มห้อง ช้าอยู่ไม่ได้ อายเค้า... ทิ้งน้องมันก่อนหล่ะกัน

บรรยากาศการเรียน คลาสแรก มีนักเรียน 15 คน มีัทั้งนักเรียน นักศึกษา แล้ววัยทำงานคละพอดีกัน (แอบดีใจว่ามีคนอายุมากกว่าเราอยู่ เฮ่อๆๆๆ)

เรื่องครูผู้สอน ทีแรกคอร์สเราระบุชื่อครูผู้สอนด้วย ว่าครูคนไหนสอน แต่พอมาเจอกลับเป็นอีกคน แต่ก็ไม่เป็นไร สงสัยอาจจะเปลี่ยนคนสอน o..0?

คุณครูก็ให้เขียนชื่อให้เค้าหน่อย แล้วเค้าก็แนะนำตัวเอง ชื่อไร มาจากไหน อ่อ ครูเค้าเป็นคนฟิลิปปินส์ อายุน้อยกว่าเราอีก (เง้อ...แก่เบยช้าน!!!) ต่อไปขอเรียก T. ละกัน

แล้วเค้าก็ให้เราแนะนำตัวบ้าง ชื่อไร อายุเท่าหร่าย (อายจุง) อยู่หนาย วนกันปาย
...
...

หนังสือเรียนที่ใช้ English Firsthand Access Longman กะบทที่ 1
จากนั้นก็เริ่มเรียน บทแรก คือ How are you? T. อธิบายคำศัพท์ในบท ให้ออกเสียงตาม และพูดบทสนทนาให้ฟัง แล้วก็ยกตัวอย่างการถามข้อมูลสั้นๆ ง่ายๆ เวลาเราเจอกันครั้งแรก หลังจากทักทาย เราอยากรู้จักเค้ามากขึ้น เราจะถามยังงัยต่อไป ก็อาจจะถามเค้าว่ามาจากไหน ต่อด้วยว่าชอบ.....อะไร งานอดิเรกที่ชอบคือ...อะไร ก็จะใช้คำศัพท์ในบทเรียนแหล่ะค่ะ จากนั้น T. ก็ให้จับคู่ ถามตอบสลับกัน เค้าก็ฟังไปทีล่ะคู่ มีสุ่มเรียกออกมาพูดด้วย ก็อายบ้างค่ะ เพิ่งคลาสแรก ไม่รู้จักกันเรย รู้สึกว่าจะมาเรียนเดี่ยวกันหมด เรยมีเขินบ้าง ขำๆกันเองบ้าง ^^


หลังจากฝึกพูดกัน ก็มาลองฝึกหูฟังตอบคำถามในหนังสือกันบ้าง จริงๆ ฟังเสียงโจทย์ใน Audio ที่ติดมากะหนังสือก็ได้ค่ะ เราก็ฝึกฟังก่อนมา คือ เตรียมตัวเตรียมใจก่อนมาเีรียนเรย อ่านหนังสือฝึกฟังเสียงมาพร้อม ก็พอมาฟัง T. อ่านให้ฟัง แกก็อ่านอยู่สามสี่รอบช้าๆ ชัด ส่วนใหญ่ทุกคนจะฟังและตอบได้ เราก็ตอบได้ มีหลุดนิดๆ เริ่มสมาธิหลุด

หลังจากเรียนจบวันนี้ ในความคิดเห็นแล้วก็ความรู้สึกเรา เราว่า T. แกสอนโอเคน่ะ แกพยายามพูดออกเสียงให้ชัด อาจมีงงๆนิดๆ เพราะแกติดสำเนียงภาษาแม่มาบ้าง ซึ่ง T. เองก็บอก คือตลอด 1.30 ชม. เรารู้สึกตัวเองว่า เราค่อนข้างฟัง T. ได้เยอะ เข้าใจที่แกสอน แกพูด ทั้งๆที่วันนี้ก็ล้าอยู่มากค่ะ นอนน้อยด้วย งานก็เดินวุ่นๆตลอด เหนื่อยอยู่ แต่เวลาที่เรียนไม่นานเกินไปเราก็ว่าโอเคน่ะ เรียนจบแร่! ^..^

T. ก็ทิ้งท้ายว่าให้พยายามกลับไปทบทวน หัดออกเสียงเยอะๆๆๆ จะได้เก่งๆ .....  ^^V

+++ก็จบกันไปกะการเรียนคลาสแรก คลาสหน้า ครั้งที่ 2 ถ้าเรามีเวลาจะมาเขียนเล่าต่อค่ะ ครั้งนี้ขอตัวไปหัดสปีคก่อน เด่วจะอายเพื่อนๆในห้อง +++ 


ดูข้อมูลเพิ่มเติมของโรงเรียน ได้ที่  http://www.bscbaptist.com

3.10.2557

[บันทึก] สมัครเรียนภาษาอังกฤษที่ BSC

ห่างหายจากบล็อกไปนานอีกเหมือนเคย คราวนี้เจ้าของบล็อกขอแวะมาอัพเดพบล็อกซะหน่อย แต่ว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความงามน่ะ คราวนี้ขอมาเรื่องเรียนบ้างดีกว่า ^^

เมื่อเสาร์ที่ 1 มี.ค. เราไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่ BSC หรือ แบ๊บติส ตรงพญาไท คิดว่าหลายๆ คนน่าจะรู้จักกัน เพราะเค้าเปิดมานานมว๊าก

ที่แรกอยากจะไปลองเรียนภาษาเกาหลีที่นี้ดู เห็นว่าไม่แพง แต่ปรากฏว่าไม่สามารถลงได้ เพราะเค้าเปิดสอนแค่ จ-ศ ตอน 5 โมงเย็น ยังไม่เลิกงานเลย เราก็เลยแห้วไป แป่ว T^T

ไหนๆ ก็มาแร่ ~..~ ถ้าไม่ได้ลงเรียน เหมือนมันจะคิดมากงัยไม่รู้ คือหวังจะได้เรียนด้วยงัย แถมบังเอิญมีน้องที่ออฟฟิศก็มาสมัครเรียนภาษาอังกฤษด้วย เพราะเราพาน้องเค้ามาลองเรียนที่นี่ดู เห็นว่าราคาไม่แพง แล้วคอร์สก็จะเปิดพอดี น้องก็เรยชวนเรามาลองเทสด้วยกันดู แล้วจะเรียนไม่เรียนก็ว่าอีกที  สรุป........

เอ้า เทสก็เทส

ข้อสอบเค้าเป็น choice ให้เลือก มีัท้ื้งถามแกรมม่า คำศัพท์ มีให้อ่าน passage แล้วก็ตอบอัตนัย มันจะค่อยๆยากขึ้น แต่ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น เค้าให้เวลาทำเทสประมาณ 20 นาที แล้วเค้าจะเรียกส่งข้อสอบ จากนั้นรอตรวจคำตอบพร้่อมรอเรียกสัมภาษณ์ ของเราได้สัมภาษณ์กะครูคนไทย การสัมภาษณ์ของที่นี่คือ ครูจะให้ลองอ่านบทความไม่ยาวมาก  ซึ่งเค้าก็ดูทักษะการอ่าน ว่าเราอ่านได้มั้ย จากนั้นเค้าก็สัมภาษณ์ ว่าเราจับใจความเรื่องที่ให้อ่านได้มั้ย โดยเค้าจะถามความคิดเห็น เ้ปรียบเทียบเป็นภาษาอังกฤษ มีตอบอธิบายไม่ได้อยู่เหมือนกัน เพราะคิดศัพท์ไม่ออก T..T" สรุปว่า  คะแนนที่เราทำได้รวมกัน คุณครูบอกว่าใ้ห้เราไปเริ่มเรียนที่ Level 3 Part 1 เรย ซึ่งจะได้เรียนกับครูฟิลิปปินส์

หลังจากสอบเสร็จแล้ว รู้แล้วได้เวลไหน เค้าให้เราเดินไปเลือก ว่าจะเรียน วันไหน เวลาไหน ตอนนี้ก็ลังเลอยู่น่ะ ว่าจะเรียนดีมั้ยหนอ ไอ้น้องที่มาด้วยกัน ดันสอบได้คะแนนน้อยมาก โดนให้ไปเริ่มเรียน Pre-1 ตั้งแต่ต้น -  -" น้องมันก็เรยชวน ให้มาเรียนด้วยกันเถอะั จะได้มีเพื่อนเดินทางด้วย ลังเล..แป๊บ ตกลงว่า... เรียนก็ได้ ไหนๆมาแร่ (รู้สึกอายด้วย ภาษาอังกฤษเราก็แย่เอาเรื่องเยอะแฮะ เพราะพูดไม่ค่อยได้ เรียบเรียงประโยคนานเกิ้น!)

หลังจากตัดสินใจเรียนได้แล้ว ก็ไปยืนเลือก เวลาเรียนต่อ ตรงนั้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายอยู่ตลอด ว่าจะต้องลงยังไงบ้าง อย่างละเีอียด ไม่เข้าใจก็ถามให้ัชัดแจ้งได้ (มารู้ทีหลัง แกเป็นคุณครูสอนน้องนั่นเอง 555)

เลือกได้แล้ว ก็กรอกในใบสมัคร เป็นโค้ดรอบเรียน ไปยื่นเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็ขึ้นไปจ่ายตังค์ฺค่าเรียน + ค่าหนังสือ (ค่าหนังสือมาซื้อทีหลังได้ ถ้ายังไม่ซื้อ) จ่ายตังค์แล้ว เค้าก็จะให้ไปถ่ายรูป ทำบัตรนักเรียน เสร็จแล้ว ก็ไปหาเจ้าหน้าที่ใกล้ๆ เค้าจะแนะนำคอร์สนิดหน่อย รวมทั้งเชิญชวนเรียน ทำกิจกรรมที่เค้ามี รวมไปถึง มีเรื่องศาสนาคริสต์นิดนึง แล้วก็เป็นอันเสร็จพิธีเรียบร้อย @^..^@


สรุปค่าสมัครเรียน ของเราน่ะค่ะ จ่ายไปทั้งหมด 
ก็มี ค่าบำุรุง 40 บาท + ค่าทำบัตรนักเรียนครั้งแรก (ตลอดชีพ) 180 บาท + ค่าลงทะเบียน สำหรับ Level 3 1 Part 420 บาท ค่าหนังสือเรียน 350 บาท (Text book ต้นฉบับ) รวมทั้งหมดก็ 990 บาทถ้วน!!! เรียน 6 weekๆ ละ 1.30 ชั่วโมง จะบอกว่าเห็นอย่างงี้ก็ดูว่าราคาถูกจิงๆน่ืะ คอร์สที่อื่นส่วนใหญ่ จะประมาณ 2000 อัพหมด (บางที่ไม่รวมตำรา เอกสารอีก @..@)

+++ อันนี้ก็เป็นประสบการณ์ อยากมาเล่าสู่กัน เพราะว่าตอนที่เราหาข้อมูลเรียนภาษาให้น้องนั้น ก็หาไม่ค่อยได้เรยค่ะ ว่าที่นี่เป็นงัยบ้าง เห็นว่าราคาถูก แล้วเค้าจะสอนโอเคมั้ย เรียนไปคุ้่มป่าว นานาปัญหาคิดไม่ตก ไม่อยากพาน้องเค้าไปเสียเวลา แล้วก็เสียความรู้สึกตามมาด้วย


สนใจ โรงเรียน เข้าไปดูได้ที่ http://www.bscbaptist.com